กลับมายิกหลังสังคม เสียดสีความเหลื่อมล้ำพร่ำเพรื่อในสังคมกับแบบเต็มสูบในภาพยนตร์ The Platform 2 ภาพยนตร์เชิงสัญญะสัญชาติสเปนที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีใน The Platform 1 และแล้วก็กลับมาฉายกันต่ออีกครั้งทาง Netflix เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา หลายๆ คนบอกเป็นคำพูดเดียวกันว่าเนื้อหา The Platform 2 ดูแล้วงง ตอนจบ บางคนบอกหลับ แต่สำหรับเราส่วนตัวคิดว่า The Platform 2 เขาพยายามเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เปรียบเสมือนชิ้นจิกซอว์ที่ต่อเข้ากับเนื้อหาบางส่วนของภาค 1 ได้เป็นอย่างดีเชียวละ หลังดูจบแบบหมาดๆ (จบแบบหลายรอบมาก 555+) เลยอยากหยิบรีวิวเรื่องนี้มาฝากกันและรับรองว่ามีสปอยล์ด้วยละ (เพราะเนื้อหามันช่าง Deep เหลือเกินน)
รายละเอียดภาพยนตร์ The Platform 2
ภาพ Elhoyo 2 จาก Netflix
- ชื่อเรื่อง: The Platform 2 / El hoyo 2 (ภาษาสเปน)
- แนวภาพยนตร์: ดรามา เขย่าขวัญ อาชาญกรรม
- ผู้กำกับ: Galder Gaztelu-Urrutia
- ช่องทางสตรีมมิ่ง: Netflix
- ระบบเสียงและภาษา: เสียงไทย / ซับไทย
- วันที่ออกฉายครั้งแรก: 3 ตุลาคม 2567
- ความยาว: 1 ชั่วโมง 39 นาที
- นักแสดงนำ: Milena Smit, Hovik Keuchkerian, Natalia Tena, Óscar Jaenada, Zorion Eguileor
เรื่องย่อ The Platform 2 Netflix 2024
เรื่องราวของศิลปินสาวผลงานโดดเด่น เปเรมปวน (รับบทโดย Milena Smit) ที่ตัดสินใจเข้ามาใ้ช้ชีวิตอยู่ภายใน Platform เพื่อขอเวลาในการตระหนักถึงความผิดพลาดอย่างมหันต์ของตนเองได้อย่างแจ่มชัด ก่อนที่เธอจะตื่นขึ้นมาในชั้น 24 พร้อมกับเพื่อนร่วมชั้นร่างท้วม ซามิอาติน (รับบทโดย Hovik Keuchkerian) ซึ่งทั้งคู่ต่างเป็นสมาชิกหน้าใหม่ในคุกแนวตั้งแห่งนี้ (vertical prison) ทำให้ต้องเรียนรู้วิถีการเอาชีวิตรอดจากสมาชิกหน้าเก่าซึ่งได้พูดว่าที่นี่มีกฏเหล็กของการอยู่อาศัยร่วมกันโดยมีผู้นำสำคัญอย่าง ดากิน บาบี (รับบทโดย Óscar Jaenada) ชายตาบอดที่ควบคุมกฎอย่างเคร่งครัดและพร้อมที่จะลงทัณฑ์ทุกคนที่ละเลยกฏอย่างไรเความปราณี แต่สมาชิกที่ยึดถือในหลักการนี้เรียกมันว่าการลงโทษที่เป็นธรรม
ภาพ Elhoyo 2 จาก Netflix
ซามิอาติน ชายร่างท้วมดูเหมือนจะไม่เห็นด้วยกับกฎแสนลำบากที่ว่า ในขณะที่เปเรมปวนดูจะเอาด้วยกับเสียงส่วนใหญ่เพื่อความอยู่รอด แต่จนแล้วจนรอดเมื่อทั้งคู่ต้องตื่นขึ้นที่ชั้นแสนลึกก็ค่อยๆ เข้าใจว่ากฎหมู่ที่ถูกตั้งเอาไว้นั้นสำคัญและรุนแรงเพียงใดจนต้องยอมเข้าร่วมในท้ายที่สุด แต่ทว่าในม่านหมอกของความยุติธรรมที่ขุมนรกแห่งนี้พยายามสร้างขึ้นแท้จริงแล้วมันก็ยังอัดแน่นไปด้วยความเหลื่อมล้ำ อิทธิพลและอำนาจในการควบคุมอักแน่น เต็มทุกอณู ชีวิตของซามิอาตินและเปเรมปวน จะจบลงแบบไหน? พวกเขาจะรอดออกไปจาก The Platform ได้หรือไม่ ติดตามภาพยนตร์ The Platform 2 กันได้แบบเต็มๆ ได้ใน Netflix มีพากย์ไทยด้วยละ พากย์ได้ดีเลย
รีวิว + วิเคราะห์ The Platform 2 Netflix 2024 **SPOIL ALERT**
หลังดู The Platform 2 จบแล้ว หลายๆ คนจะต้อง งง สับสน อึ้ง กันไปหมดแน่นอน (รวมเราด้วย) ว่ามันอะไรวะเนี่ย? หนังกำลังพูดถึงจุดไหน อะไรยังไง? แต่ถ้าสังเกตจุดที่ The Platform 2 โปรยจุดเชื่อมสำคัญมาจะสามารถเรียงลำดับ Timeline ของหนังเรื่องนี้ได้ว่า The Platform 2 เป็นเรื่องราวก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องใน The Platform 1 นั่นเอง โดยเรียกภาพยนตร์แนวนี้ว่า Prequal ที่แปลได้ว่าภาพยนตร์ที่มาทีหลังแต่เป็นการเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตนั่นเอง
ภาพ Elhoyo 2 จาก Netflix
โดยจุดชี้ว่าเป็น Prequal ครั้งใหญ่ที่ว่าคือการมีชีวิตอยู่ของ ตรีมากาซี (รับบทโดย Zorion Eguileor) ชายแก่ผู้ลงมาใน The Platform พร้อมมีดซามูไรพลัสที่เสียชีวิตไปแล้วใน The Platform ภาค 1 ถ้าย้อนไปภาคแรกตรีมากาซีบอกกับโกเร็ง (ตัวหลักชายของ The Platform 1) ว่าตัวเขานั้นอยู่ในคุกแนวตั้งแห่งนี้มายาวนานหลายเดือนแล้ว ในขณะที่ตรีมากาซี (ในภาค 2) ที่เจอกับเปเรมปวนจะเห็นได้ว่าเขาเพิ่งลงมาใน The Platform ได้หมาดๆ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจร่วมก่อกบฎไปพร้อมกับเธอนั่นเอง
พล็อตเรื่องของ The Platform 2 ยังถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าสนใจ ผ่านการแสดงของตัวละครหลักเพียงไม่กี่ตัว เสริมด้วยทัพนักแสดงซึ่งเป็นผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่ใน Platform ชั้นอื่นๆ ด้วยการดึงสิ่งนามธรรมที่เกิดขึ้นจริงในสังคมอย่างการแบ่ง "ชนชั้น" มาปั้นขึ้นรูปให้มันเข้าใจได้ง่ายมากๆ โดยเอาคนมายัดในคุกแนวตั้งที่มากถึง 333 ชั้น หนังฉายภาพของชนชั้นสูงที่ไม่ต้องเป็นเดือดเป็นร้อนเรื่องอาหารและส่วนใหญ่ยินยอมที่จะปฏิบัติตามกฎหมู่ที่ตั้งไว้ได้กลับกันในกลุ่มชนชั้นกลางไปล่างที่ขาดไร้ซึ่งทรัพยากร ต้องปากกัดตีนถีบเพื่อหาอาหารมายัดลงท้องเพื่อต่อลมหายใจให้มีชีวิตอยู่รอดไปวันๆ และมองว่ากฎเหล่านั้นมันช่างไร้สาระสิ้นดีพร้อมทำทุกอย่างตามสัญชาตญาณของการเอาตัวรอด นอกจากนี้หนังยังสอดไส้ปมปัญหาอื่นๆ มาตลอดเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นด้านความเชื่อ สังคม การเมืองและศาสนา ซึ่งส่วนนี้ผู้ชมสามารถตีความได้แตกต่างกันไป
ตัวละครทำมาได้น่าสนใจ มิติเบื้องลึกเบื้องหลังของตัวละครหลักแต่ละตัวดูมีปมหลัง บ้างมีปัญหาในการใช้ชีวิตในโลกภายนอก บ้างเคยทำความผิด บ้างก็ท้อแท้หมดหวังกับชีวิตจึงเลือกมาอยู่อาศัยที่ The Pit ด้วยข้อมูลอันจำกัดจำเขี่ยของแต่ละตัวละครเลยทำให้ทุกอย่างดูอึดอัดและไม่น่าไว้วางใจ จนเกิดความระแวดระวังกันเองถึงแม้จะเป็นคนที่อาศัยในชั้นเดียวกันหรือมีความเชื่อ ความศรัทธาในกลุ่มเดียวกันก็ตาม
แคสติ้งยังโหดเหมือนเก่า ถ้ามองด้านการแสดงแล้วส่วนตัวเราไม่ติดใจกับการแสดงของตัวละครไหนเลย การแสดงของแต่ละตัวละครทำมาได้ดีมาก การถ่ายทอดอารมณ์จากช่วงเริ่มเรื่องที่ดูธรรมดาแล้วค่อยๆ ไต่อารมณ์ให้มันเข้มข้น ดาร์กขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เรารู้สึกอินไปด้วย นักแสดงเค้นฉากอารมณ์ออกมาฟาดฟันกันได้แบบครบรส
ภาพ Elhoyo 2 จาก Netflix
ความสมจริงสมจังของทุกฉากยังทำมาได้แจ่มเช่นเดิม ทั้งฉากคุกแนวตั้งที่ชวนให้อึดอัด ฉากการต่อสู้เลือดสาด ฉากการตายที่แสนจะสะเทือนขวัญ ฉากการทำตามสัญชาติญาณดิบของมนุษย์ที่ดิบเถื่อนเอาการ The Platform 2 ยังเสิร์ฟเรื่องราวเหล่านี้ให้เหล่าผู้ดูได้อย่างเข้มข้น (จนเลยไปทางเข้มมากไปเสียด้วยซ้ำ อย่างฉากที่ทิ้งศพลงมาจากชั้นบนสู่ชั้นล่างที่เรียกว่าครบทุกเม็ด เก็บทุกหยด) มีการใช้ CG ช่วยเสริมมิติของฉากซึ่งส่วนตัวเราว่าทำได้ดี ดูไม่หลอก ไม่แปลกตา
ถัดมาที่โซนวิเคราะห์ (ตามความคิดเห็นของเรา) กันบ้าง The Platform 2 ยังคงดำเนินแก่นหลักของเรื่องที่ว่าด้วยสถานที่แห่งนี้เปรียบเสมือนศูนย์จัดการตนเองในแนวตั้ง (Vertical Self-Management Center) ที่สามารถเลือกสมัครเข้ามาด้วยตนเองหรืออาจถูกใครสักคนส่งเข้ามาด้วยเหตุผลจำเป็นบางประการ ก่อนย้ายสำมะโนครัวเข้ามาอยู่จำเป็นต้องผ่านการสัมภาษณ์เพื่อประเมินความพร้อมในขั้นต้น รวมถึงสามารถแจ้งอาหารที่อยากทานทุกๆ วันมา 1 เมนูและสิ่งของที่อยากพกติดตัวลงไปด้วย 1 ชิ้น โดยจะต้องอาศัยกับเพื่อนร่วมชั้น 1 คน สลับสับเปลี่ยนชั้นกันไปตลอดทุกๆ 1 เดือน
เรื่องต่างไปจากภาคแรกตั้งแต่จำนวนชั้นที่เปิดเรื่อง จากเดิมในภาคแรกเนื้อหาหลักอยู่ที่ชั้น 48 ส่วนภาคนี้เริ่มต้นที่ชั้น 24 พร้อมกับมีกฎเหล็กเพื่อหวังจบ loop คุกนรกที่คิดค้นโดยผู้ที่ถูกเจิม ว่าทุกคนสามารถกินได้เฉพาะอาหารที่เคยขอเอาไว้เท่านั้นและไม่สามารถแตะต้องอาหารจานอื่นๆ (ถึงแม้เจ้าของจานอาหารนั้นๆ อาจตายไปแล้วแต่ก็ต้องเทอาหารของเขาทิ้งไปจนหมดหรือหากอยากกินก็จะต้องแลกเปลี่ยนกับจานอาหารของตัวเองเท่านั้น) หากใครที่ละเมิดกฎหมู่อันแสนศักดิ์สิทธิ์การกระทำอันเลวมทรามของพวกเขาจะถูกแผ่ขยายด้วยลมปาก (Word of Mouth) แบบชั้นต่อชั้นจนกลายเป็นที่โจษจัณฑ์ไปทั่ว และในที่สุดต้องแลกมาด้วยความทรมานอย่างสาหัสหรือลมหายใจที่ปลิดปลิวไปราวกับผักปลาซึ่งมีบาบีและกลุ่มของเขาเป็นผู้พิพากษา
ภาพ Elhoyo 2 จาก Netflix
การส่งอาหารหลายร้อยเมนูจากบนลงล่าง ที่มองแล้วก็เปรียบเสมือนกับความมั่งมี เพียบพร้อมในทรัพยากร อาหารและทุกอย่างๆ ของชนชั้นสูง ชนชั้นบน ที่ทุกอย่างช่างดูสวยงามลงตัวไปเสียหมด แถมยังเป็นกลุ่มที่ยอมให้ความร่วมมือกับกฎแต่โดยดี พอเห็นพล็อตเรื่องแนวนี้ก็พาลให้คิดถึงประโยคจากหนังเกาหลีที่ว่า "เขาเป็นคนดีเพราะเขารวย หรือเขารวยเขาจึงเป็นคนดี" และแน่นอนว่ามันจิกกัดสังคมทุนนิยมที่ขับเคลื่อนด้วยวัตถุ เงินตราและทรัพยากรต่างๆ ได้แบบจมเขี้ยว คนชั้นสูงๆ ดูเป็นคนดีก็เพราะเขาคือผู้ที่อยู่เหนือกว่าคนอีกร้อยๆ ชั้นด้านล่างโดยที่มั่นใจได้เลยว่าในเดือนนี้จะไม่มีใครหน้าไหนมาพรากความโอ่อ่า หรูหราในชีวิตไปพวกเขาได้แน่ๆ ใช่หรือไม่
ภาพ Elhoyo 2 จาก Netflix
แต่เมื่อแท่นวางอาหารที่ถูกหยิบออกไปเรื่อยๆ จากชั้นบนสู่ล่าง เดิมที่มีอาหารถูกจัดวางมาอย่างหรูหราที่ชั้น 0 แต่มันกลับเละเทะเมื่อผ่านจำนวนชั้นมากขึ้นเรื่อยๆ ไหนจะยังมีศพหรือคนติดไปด้วยบนแท่นวางอาหาร ถึงอย่างนั้นทุกคนต่างต้องไขว่คว้าเอาไว้เพื่อเติมเต็มปากท้องของตัวเองให้อิ่มไปในแต่ละวันจนแทบไม่เห็นหัวกฎเหล็กที่ชนชั้นผู้ปกครองวางเอาไว้เสียด้วยซ้ำจนเกิดการขบถอยู่เนืองๆ มันตอกย้ำถึงการบริหาร วางกฎเกณฑ์จากบนหอคอยงาช้างจึงทำให้มองเห็นปัญหาปากท้อง ความยากลำบากของมดตัวกระจ้อยร่อยได้น้อยยิ่ง จุดนี้ถ้ายิ่งเอาไปผสมเข้ากับขั้นตอนการปรุงอาหารใน The Platform ภาค 1 จะยิ่งเห็นได้เลยว่าอาหารถูกปรุงมาอย่างดีเท่านั้น การมีแม้เศษเส้นผมเล็กจิ๋วนั้นเป็นความผิดพลาดอันยิ่งใหญ่ที่ผู้ดูแลครัวรับไม่ได้จนต้องหาคนผิดมารับโทษแต่ในขณะเดียวกันประชาชนที่อยู่ในคุกหลุมเหล่านั้นกลับไม่ใส่ใจเกี่ยวกับสุขอนามัยของอาหารเลยแม้แต่น้อยเพราะพวกเขาแค่อยากกินมัน ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพไหนก็ตาม
ภาพ Elhoyo 2 จาก Netflix
จึงเป็นที่มาของกฎเหล็ก 'จานใคร..จานมัน' ของดากิน บาบี เพื่อหวังว่าทุกๆ คนที่อยู่ใน The Platform จะได้กินอาหารครบทุกคนและปิด loop อันโหดเหี้ยมในคุกนรกแห่งนี้ได้ (ในภาค 1 โกเร็งพยายามปิด loop ด้วยการส่งพานาคอตต้าสภาพดีที่สุดขึ้นไป) มองไปมองมาก็คล้ายเป็นกฎที่น่าสนใจ แต่อย่างไรก็ตามมันเป็นแค่เพียงกฎในอุดมคติ ที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในชีวิตจริงด้วยเพราะมนุษย์เต็มไปด้วยกิเลส ความอยากและตัณหาจึงไม่อาจต้านทานสัญชาติญาณอันดิบเถื่อนของตนเองได้ เมื่อมีคนใดคนหนึ่งที่ตะกละตะกลามก็คล้ายการจุดชนวนระเบิดลูกโซ่ขึ้นมาทันทีทันใด
ตัวละครที่เชื่อในกฎเหล็กต่างสรรเสริญการกระทำของบาบีว่ามันถูกต้องแล้ว ผู้ที่ตะกละตะกลาม เอาแต่ตัวสมควรได้รับการลงโทษอย่างหนัก แต่ทว่าความจริงแล้วนั้นกฎเหล็กที่สร้างขึ้นก็เพื่อการยกระดับของกลุ่มผู้ถืออำนาจให้อยู่เหนือผู้อื่นในทุกๆ ชั้น โดยการตั้งกฎครอบคลุมทั้งปริมาณอาหารที่แต่ละคนได้รับอนุญาตให้กิน จำนวนคนที่สามารถเคลื่อนย้ายข้ามชั้น ซึ่งถ้ามองให้ลึกแล้วนั่นมันคือแผนการยึดอำนาจและป้องกันไม่ให้ซ่องสุมรวมกำลังเพื่อก่อกบฎได้ในคราวเดียว เรียกว่าเป็นการเดินหมากแบบยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว ทำให้ตกตะกอนได้ว่า 'ความเท่าเทียม หรือ ความเสมอภาค' มันช่างเกิดขึ้นได้น้อยมากในชีวิตจริงเพราะถึงแม้ภายใน The Pit ที่มีกฎหลักของระบบกลางอันแสนโหดเหี้ยมอยู่แล้วแต่ก็ยังมีกลุ่มที่ถืออำนาจคอยเชือดเฉือนมนุษย์ด้วยกันอย่างไม่ใยดี
ภาพ Elhoyo 2 จาก Netflix
อย่างไรก็ตามเมื่อถูกกดดัน บีบคั้นจากทุกๆ อย่าง ผู้ถูกควบคุมภายในกฎก็พร้อมจะแตกออก เปเรมปวนที่ถูกกระทำมาอย่างสาหัสจึงพร้อมย่ำเท้าเข้าสู้กับกฎเหล็กอันแสนโสมมด้วยการกรีฑาทัพของชนชั้นล่างให้ออกสู้เพื่อความอยู่รอดของตนเอง ซึ่งแต่ละตัวละครก็พร้อมจะเข้าร่วมด้วยเต็มใจยิ่งเมื่อกฎที่มีอยู่ไม่เป็นธรรม แต่ใช่ว่าฝันที่จะทวงคืนจะโรยด้วยกลีบดอกไม้เพราะพวกเขาต้องแลกมาด้วยความหิวโหยโรยแรงจากการถูกจำกัดอาหาร และทรัพยากรที่จำเป็น ก่อนที่จะถูกลงทัณฑ์และนำมาสู่การสูญเสียครั้งใหญ่หลวง
เปเรมปวนหลุดจากการเข่นฆ่ามาได้ชนิดเจียนตายและสามารถลงไปยังชั้น 333 ซึ่งเป็นชั้นสุดท้ายได้โดยแผนการที่เธอได้รับคำแนะนำมาก่อนหน้า ก่อนที่เธอจะตัดสินใจหนีกลับขึ้นด้านบนพร้อมชั้นวางอาหาร เธอได้เจอกับ 'เด็กหนุ่ม' ที่ถูกจัดให้นอนอยู่ในชั้นสุดท้าย ด้วยความรู้สึกผิดบาปต่อเด็กของตน เธอจึงพยายามพาเด็กชายคนนี้เพื่อหนีขึ้นไปกับเธอ แต่เมื่อชั้นอาหารเลื่อนต่ำลงไปที่ก้นลึกสุดของคุกเพื่อเตรียมดีดกลับขึ้นไปอีกครั้งเธอกลับพบว่า ผู้ที่หนีรอด ผู้ที่เป็นอนาคตทั้งหมดคือ 'เด็กหนุ่ม' ไม่ใช่เธอ ก่อนที่เธอจะตัดสินใจทิ้งตัวเองไว้ที่ท้ายหลุมลึกและปล่อยให้เด็กชายได้พวยพุ่งขึ้นมาสู่ชั้นบนของ The Platform
ภาพ Elhoyo 2 จาก Netflix
หลักใหญ่ใจความของภาพยนตร์เรื่องนี้เราว่าเกี่ยวกับการเมือง การปกครอง ชีวิตและสังคม ที่ถูกสะท้อนผ่านเรื่อง "อาหาร" และ "กฎเหล็ก" ได้อย่างแยบยล ทั้งระดับคลาส (Class) ที่แตกต่างกันไปในสังคมเป็นเหตุให้คนเรามีคาแรกเตอร์แบบไม่ซ้ำ ปัญหาการตักตวงทรัพยากร เงิน อาหาร ของชนชั้นบนๆ จนแทบจะไม่เหลือที่ทางให้ชนชั้นล่างได้หายใจ รวมถึงกฎเกณฑ์ในมายาคติที่ยิ่งตอกย้ำความลำเค็ญของกลุ่มชั้นล้างให้ตกยากลำเค็ญให้ต่ำถึงแกนนรก
ภาพ Elhoyo 2 จาก Netflix
อย่างไรก็ดี หนังยังมีการสอดไส้นัยยะต่างๆ เอาไว้นับไม่ถ้วน ซึ่งต่างคนก็ต่างมองได้หลายมุม ทั้งการสลับชั้นกันไปในแต่ละเดือนที่อาจจะเตือนเราว่าชีวิตมีขึ้นย่อมมีลง ไม่ว่าจะเป็นคนชนชั้นไหนต่างก็ต้องดื้นรนเพื่อรักษาชื่อเสียง เงินทองที่ตนมีเอาไว้ไม่แพ้กันเพราะไม่มีอะไรในโลกนี้ที่แน่นอน การให้ความช่วยเหลือเด็กที่เปรียบเสมือนสารตัวแทนจากคนรุ่นเก่าไปสู่คนรุ่นใหม่ ให้ปัดเป่าความโสมมของสังคมให้จางหายไปในอนาคตอันใกล้ ปิด loop การแก่งแย่ง บิดเบี้ยวของสังคม บ้างก็มองว่าการให้ความช่วยเหลือและส่งเด็กขึ้นสู่ชั้นบนสุดของ Platform เปรียบเสมือบการได้ไถ่บาปครั้งสุดท้ายในชีวิตของผู้ที่อยู่ภายใน Platform
รวมคำถามที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่อง The Platform 2 Netflix
- เปเรมปวน เธอตายไหมในฉากสุดท้าย
ในความคิดส่วนตัวเรามองว่า เปเรมปวนเธอเสียชีวิตค่ะ โดยจะเห็นได้ว่าในฉากสุดท้ายช่วงการย้ายชั้นซึ่งอยู่ในสภาวะไร้แรงโน้มถ่วง เมื่อเธอตัดสินใจจะช่วยเด็กทำให้หัวของเธอฟาดเข้ากับคอนกรีตอย่างจังหลายครั้งและมีเลือดไหลออกมาเยอะมาก ก่อนที่สุดท้ายชั้นจะเลื่อนไปยังชั้นลึกสุดของหลุม ที่เธอเจอผู้คนด้านล่างมากมายหนึ่งในนั้นคือซามิอาติน ชายร่างท้วมที่เคยรวมชั้นกับเธอซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว และในช่วง end credit ที่ตัวละครโกเร็งลงมาที่ชั้นล่างสุดพร้อมกับเด็กสาว ซึ่งเขาพบกับตรีมากาซีซึ่งเสียชีวิตไปแล้วเช่นเดียวกัน จึงอนุมานได้ว่าที่ก้นลึกสุดของ Platform แห่งนี้เปรียบเสมือนแหล่งที่คนตายมาอยู่รวมกัน อารมณ์เหมือนนรกใต้ดินอะไรประมาณนั้น
- เปเรมปวน กับ โกเร็ง เป็นอะไรกัน
ในฉากสุดท้ายที่เปเรมปวนเจอกับโกเร็งจะเห็นได้ว่าเธอดูตกใจและมีน้ำตา ซึ่งถ้าทวนไปยังเรื่องที่เธอเล่าก่อนลงมาอยู่ในคุกแห่งนี้เธอมีแฟนหนุ่มที่มีลูกติด และเธอก็ชอบโครเก้ที่แฟนหนุ่มทำให้เธอมากจนกลายเป็นเมนูที่เธอเลือกกินทุกวันใน The Pit เราจึงคิดเอาว่าทั้ง 2 คนเคยเป็นแฟนกันมาก่อนนั่นเอง
ภาพ Elhoyo 2 จาก Netflix
- ทำไมมีเด็กมาอยู่ที่ชั้น 333 ทั้ง 2 ภาค
ในภาคแรกจะมีเด็กผู้หญิง ส่วนในภาค 2 จะมีเด็กผู้ชายผิวสี ถูกจัดให้อยู่ในชั้น 333 ในช่วงขึ้นเดือนใหม่พอดิบพอดี ส่วนตัวเรามองว่าเป็นการส่งเด็กลงมาโดยมีจุดประสงค์สักอย่างแน่ๆ เช่นว่า ต้องการให้เด็กลงมาเรียนรู้โลกที่โสมมซึ่งเป็นโลกของความจริง หรือส่งเด็กลงมาเพื่อทดสอบจิตใจคน หรือสำหรับใช้เป็นเครื่องไถ่บาปให้กับเหล่าผู้ใหญ่ที่อาศัยอยู่ในคุกแนวตั้งเพื่อทำให้พวกเขาตระหนักได้ว่าพวกเขาควรทิ้งชีวิตเอาไว้ที่นี่เพราะเหตุใด ถ้าสังเกตดีๆ ในช่วงที่จัดเตรียมเด็กเอาไว้ที่ชั้น 333 จะมีแค่เด็กแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่มีรูมเมตที่เตียงอีกฝั่ง จุดนี้เราเลยเข้าใจว่าเขาเอาเด็กมาวางไว้ลึกที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้ใครทำร้ายพวกเขาได้อย่างแน่นอน (ถ้าย้อนไปดูของภาค 1 จะเห็นได้เลยว่าตั้งแต่ชั้นที่ร้อยกว่าๆ เป็นต้นมาแทบจะไม่เหลือคนที่มีชีวิตอยู่เลย) และการที่เด็กมีชีวิตอยู่ได้ไม่อดตายไปก่อน ตรงนี้เราเดาว่าทีมผู้ดูแลอาจมีการให้ความช่วยเหลือเด็กเหล่านี้เป็นการพิเศษอยู่นั่นเอง เมื่อชั้นอาหารลงมาที่ชั้น 333 อาจมีอาหารที่แอบซ่อนอยู่ให้เด็กๆ หรืออาจมีการส่งอาหารให้เด็กๆ ผ่านช่องทางอื่นๆ ก็เป็นไปได้
นอกจากนี้ถ้าเราค้นลึกๆ ไปเกี่ยวกับเลข 333 ในความเชื่อของศาสนาคริสต์ก็น่าสนใจเหมือนกันค่ะ โดยเป็นเลขของความเชื่อมั่น ศรัทธาอย่างแรงกล้า การเกิดใหม่ รวมไปจนถึงเรื่องของ 3Trinity เพราะตัวละครในเรื่องจะพูดถึงเรื่องพระเจ้า ศาสนาต่างๆ บ่อยมากโดยเฉพาะภาค 1 ที่โกเร็งเอาหนังสือศาสนาติดตัวลงมาด้วย เพราะฉะนั้นการกำหนดความลึกของคุกไว้ที่ 333 ชั้น และเอาเด็กมาซ่อนไว้ที่ชั้นนี้ก็เต็มไปด้วยนัยยะมากมายเหมือนกัน
ทั้งนี้จุดที่ยังคิดต่ออีกอย่างคือ เราเห็นว่ามีเด็กถูกส่งกลับขึ้นไปแน่ๆ แต่เราก็ไม่รู้ชะตาชีวิตของเด็กทั้ง 2 คนเลยว่าเขาขึ้นไปชั้นบนของ Platform ได้จริงไหม อันนี้เป็นปมใหญ่ๆ ที่ถูกปล่อยทิ้งไว้เหมือนกัน
เรียกได้ว่า The Platform เป็นการหยิบยกเอาประเด็นในสังคมที่ดูเป็นดูมีความเป็นนามธรรม หยิบจับได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเชื่อ ศาสนา สังคม การเมือง การปกครอง ฯลฯ นำมาปั้นให้เป็นรูปธรรมจนมองเห็นได้ชัดมากขึ้นผ่านการกระทำของตัวละคร เพื่อทำให้ผู้ชมอย่างเราได้ถอดความตามที่แต่ละคนเข้าใจ ซึ่งเราว่าเป็นการกระตุกใจ กระชากใจครั้งใหญ่ให้กับผู้ชม ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นแบบไม่รู้สิ้นหลังหนังจบซึ่งเราว่าเป็นความตั้งใจที่แท้จริงของจักรวาล The Platform
Tags:
Entertainment