ร้าน Oh Juice มีกี่สาขา?
ข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2567 ตอนนี้ร้าน Oh Juice เปิดตัวไปแล้ว 4 สาขา ได้แก่- Oh Juice สาขา Central Ladprao เซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น M
- Oh Juice สาขาเดอะมอลล์งามวงศ์วาน ชั้น G
- Oh Juice สาขาเซ็นทรัลเวิร์ลด์ (Central World) ชั้น 2 (ตรงข้ามกับ Apple Store)
- Oh Juice สาขา Siam Square One บริเวณ ชั้น 3 ทางเชื่อม BTS
ร้าน Oh Juice สมูทตี้ผลไม้แตกต่างไปจากร้านอื่นๆ อย่างไร
ถ้าพูดถึงร้านสลัดผักโอ้กะจู๋เราอาจจะเข้าใจกันดีว่าเขาเป็นร้านที่โด่งดังเรื่องสลัดผักออร์แกนิคและสารพัดเมนูเพื่อสุขภาพ สำหรับสมูทตี้ในร้าน Oh Juice เขาโดดเด่นด้วยการใช้วัตถุดิบหลักจากธรรมชาติ ไม่ใส่น้ำตาล ไม่ Hack ความอร่อยด้วยสารปรุงแต่งใดๆ ทั้งสิ้น สำหรับรสชาติก็จะอาศัยจากธรรมชาติเป็นหลัก พร้อมการใส่ Superfood ต่างๆ ลงไปในแก้ว เช่น Chia seed, Acai, Avocado, Blue Majik เป็นต้นเมนูร้าน Oh Juice มีอะไรบ้าง
หลายๆ คนอาจสงสัยว่าเมนูร้าน Oh Juice มีอะไรบ้าง? มีแค่น้ำผลไม้ปั่นหรือเปล่า? บอกเลยค่ะว่าเขามีมากกว่าแค่น้ำผลไม้ปั่นทั่วๆ ไป โดยมีเมนูหลักๆ ได้แก่
- JUICES น้ำผลไม้สกัดแบบไม่ใส่น้ำแข็ง (Petite 90 บาท/ Classic 110 บาท/ Grand 130)
- GREEN BOOSTER สมูทตี้ผักและผลไม้ (Petite 90 บาท/ Classic 110 บาท/ Grand 130 บาท)
- GET PROTEIN สมูทตี้โปรตีน (Petite 95 บาท/ Classic 125 บาท/ Grand 160 บาท)
- CLASSIC สมูทตี้คลาสสิก (Petite 85 บาท/ Classic 105 บาท/ Grand 125 บาท)
- SIGNATURE ที่เป็นตัวชูโรงของร้าน Oh Juice
- OH ACAI
- ขนมปัง เบเกอรี่สดใหม่จากร้านโอ้กะจู๋
โดยเมนูที่ถูกพูดถึงกันเยอะมากๆ คือ เมนู Signature ของ Oh Juice ได้แก่
แก้วที่ออกสื่อบ่อยๆ และเป็นตัวชูโรงก็คือแก้ว OCEAN N EARTH ที่เป็นสีเขียว คราม ฟ้าตัดสลับกันไปมาอย่างสวยงาม ใครเข้าไปต่อคิวเป็นต้องสั่งทุกคน
ถ้าอ่านส่วนผสมในแก้วดังอย่าง OCEAN N EARTH หลายๆ คนอาจสงสัยว่า Blue Majik ที่ถูกใส่เข้ามาด้วยคืออะไร? บลูแมจิคตัวนี้ คือ ผงสาหร่ายสีฟ้าที่ทำมาจากบลูสไปรูลิน่านั่นเองค่ะ เรื่องคุณประโยชน์ก็จัดเต็มทั้งอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบที่เกิดขึ้นในร่างกาย มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกายและขับสารพิษออกจากร่างกาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรทานในปริมาณที่พอเหมาะเช่นเดียวกันนะ
ตัวร้านตกแต่งเป็นโทนสีเขียวเข้มและเขียวอ่อนตามสไตล์ร้านผักสลัดโอ้กะจู๋ที่เป็นร้านแม่ มีการใช้ผักและผลไม้ที่ใส่ในเมนูเป็นฉากตกแต่งดูสดชื่นและสวยงาม
ถึงแม้ตอนนี้จะเปิดมาแล้วหลายเดือนแต่คิวก็ยังคงมีคอยอยู่บ้างค่ะ วันที่เราไปเป็นช่วงวันอาทิตย์ติดบ่ายๆ ใช้เวลารอคิวสั่งเครื่องดื่มประมาณ 15 นาที และใช้เวลารอเครื่องดื่มประมาณ 25-30 นาที ถามว่านานเกินไปไหมสำหรับเราคิดว่าอยู่ในเกณฑ์รับได้ (ไม่นานเท่าช่วงเปิดร้านแรกๆ ที่บอกว่าต้องรอคิวนานถึง 2 ชั่วโมง)
หน้าร้านโปร่งสวย ต่อคิวฝั่งขวาและวนไปรอเครื่องดื่มทางซ้าย ฝั่งแคเชียร์มีขนมปังและเบเกอรี่ไว้วางจำหน่ายทั้งสกินนี่บันโฮลวีท อกไก่หยอง ขนมปังฟักทองผสมธัญพืช
สำหรับขนาดแก้วถ้าเป็เมนู Signature จะเป็นแก้วใสไซซ์เดียว ส่วนเมนูอื่นๆ ที่เลือกขนาดแก้วได้จะมีทั้งหมด 3 ขนาด 3 ราคา ได้แก่ Petite, Classic, Grand
สั่งเครื่องดื่มเสร็จแล้วก็สามารถไปเดินเล่นในชั้นได้ชิลๆ ใช้เวลารอประมาณ 25-30 นาทีก็ไ้ด้เมนูสมูทตี้ Oh Juice มาครอง
แก้วแรกที่ยังไงก็ต้องสั่งคือ OCEAN N EARTH 270 บาท ส่วนผสมของแก้วนี้ได้แก่
เรื่องความสวยงามของแก้วก็บอกเลยว่าจึ้งใจจริงๆ ลายน้องสวยมากๆ ถ่ายรูปเก๋ ส่วนเรื่องรสชาติบอกได้เลยว่าแก้วนี้อร่อยมากกกกก ทันทีที่ดูดเข้าปากกลิ่นกล้วยหอมลอยเด่นออกมาอย่างชัดเจน เนื้อสมูทตี้เนียนนุ่มดื่มง่าย รสชไม่หวานแหลมแต่ได้ความหวานนัวเพราะมีความมันจากนมอัลมอนด์ ครีมมะพร้าว น้ำมะพร้าว นอกจากนี้เมื่อเราดูดจากล่างแก้วขึ้นมาก็ยังมีชิ้นเนื้อมะพร้าวและชิ้นอะโวคาโด้ให้ได้เคี้ยวตัดรสชาติกันไปอีก เห็นแก้วสูงๆ แบบนี้แต่บอกเลยค่ะว่าดื่มหมดแก้วได้ไม่ยากเพราะรสชาติอร่อยนัวจริงๆ
ส่วนอีกแก้วเราสั่งมาเป็น SUNRISE GINGER Oh Juice ราคา 180 บาท มีส่วนผสมคือ
สำหรับเราถ้าถามว่าราคาแรงไหม ตอบเลยว่ามีกระเป๋าสะดุ้งเหมือนกันค่ะ ตีกลมๆ แล้วราคา Oh Juice ก็ตกราคาแก้วละ 200-300 บาทเลยทีเดียวล่ะ แต่ถ้าเทียบในเชิงของคุณภาพที่เขาบอกเลยว่าไม่ใส่น้ำตาลเพิ่มเติม ไม่ Hack อะไรทั้งสิ้น แต่ละแก้วที่ได้มาอัดแน่นด้วยส่วนผสมที่น่าสนใจ ปริมาณที่ได้ก็คือแก้วใหญ่ไซซ์เบิ้ม อย่างแก้ว Signature นอกไปจากความอร่อยก็ได้ความสวยงามของการนำเสนอเมนูที่แตกต่างไปจากสมูทตี้ผลไม้แบบเดิมๆ ส่วนระยะเวลาการรอคิวเราว่าเขาเริ่มจัดการได้ดีขึ้นแล้ว ไม่ได้ต้องรอนานเป็นชั่วโมงๆ กว่าจะได้กินเหมือนช่วงแรกของการเปิดร้าน ส่วนตัวคิดว่าถ้ามีโอกาสก็จะแวะเวียนไปลองชิมอีกหลายๆ เมนูที่สนใจเพิ่มเติมอีกแน่นอนค่ะ
- SUNRISE SIGNATURE 180 บาท (Ginger Immunity Shot, น้ำผึ้ง มะม่วง สับปะรด, Camu, วิตามินรวม, Kombucha jelly peach)
- ACAI ANTIOXIDANT 240 บาท (โอ้กะจู๋ ACAI, นมแมคคาเดเมีย แก้วมังกรสีแดง น้ำแอปเปิ้ลคั้นสด อะโวคาโด สับปะรด สตรอว์เบอร์รี ราสป์เบอร์รี แครนเบอร์รี อะเซโรลา เชอร์รี่ VitC + Booster ครีมมะพร้าว และ Chia seed jelly)
- KING GREEN LIME 190 บาท (Uji Matcha Orgainc Kale , Orgainc Spinach , Coconut cream , Chia seed Jelly เเละ Homemade Almond Butter)
- PASSIONATE 180 บาท (เสาวรส มะม่วง สับปะรด น้ำมะพร้าวสด น้ำผึ้ง กรีกโยเกิร์ตแบบโฮมเมด เกลือทะเล coconut flake, cocohut cream, Kombucha jelly peach)
- ANGEL’S SECRET 270 บาท (สตรอว์เบอร์รี นมอัลมอนด์ อะโวคาโด เนื้อมะพร้าว น้ำมะพร้าวสเ ครีมมะพร้าว สับปะรด อินทผลัม แก้วมังกรสีแดง ออร์แกนิคเมเปิ้ลไซรัป, Strawberry Chia Seed Jam (ไม่เติมน้ำตาล) คอลลาเจน 4,000 มก. Multi Balance Protein, อะเซโรลา เชอร์รี่ VitC + Booster)
- OCEAN N EARTH 270 บาท (นมอัลมอนด์ โยเกิร์ตมะพร้าว น้ำมะพร้าวสด, Blue Majik, อะโวคาโด เนื้อมะพร้าว อินทผลัม กล้วยหอม สับปะรด ครีมมะพร้าว เนยอัลมอนด์ และคอลลาเจน 4,000 มก.)
Oh juice Signature |
แก้วที่ออกสื่อบ่อยๆ และเป็นตัวชูโรงก็คือแก้ว OCEAN N EARTH ที่เป็นสีเขียว คราม ฟ้าตัดสลับกันไปมาอย่างสวยงาม ใครเข้าไปต่อคิวเป็นต้องสั่งทุกคน
Blue Majik คืออะไร?
ถ้าอ่านส่วนผสมในแก้วดังอย่าง OCEAN N EARTH หลายๆ คนอาจสงสัยว่า Blue Majik ที่ถูกใส่เข้ามาด้วยคืออะไร? บลูแมจิคตัวนี้ คือ ผงสาหร่ายสีฟ้าที่ทำมาจากบลูสไปรูลิน่านั่นเองค่ะ เรื่องคุณประโยชน์ก็จัดเต็มทั้งอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบที่เกิดขึ้นในร่างกาย มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกายและขับสารพิษออกจากร่างกาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรทานในปริมาณที่พอเหมาะเช่นเดียวกันนะ
รีวิวร้าน Oh Juice สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว (Central Ladprao)
ตัวร้าน Oh juice สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าวจะอยู่ที่ชั้น 2 ติดกับทางเชื่อม BTS (ฝั่งร้าน Starbuck) เมื่อเดินเข้าไปร้านจะอยู่ฝั่งซ้ายมือ เห็นร้านเขียวๆ พร้อมสัญลักษณ Oh Juice ก็เดินเข้าไปได้เลยตัวร้านตกแต่งเป็นโทนสีเขียวเข้มและเขียวอ่อนตามสไตล์ร้านผักสลัดโอ้กะจู๋ที่เป็นร้านแม่ มีการใช้ผักและผลไม้ที่ใส่ในเมนูเป็นฉากตกแต่งดูสดชื่นและสวยงาม
ถึงแม้ตอนนี้จะเปิดมาแล้วหลายเดือนแต่คิวก็ยังคงมีคอยอยู่บ้างค่ะ วันที่เราไปเป็นช่วงวันอาทิตย์ติดบ่ายๆ ใช้เวลารอคิวสั่งเครื่องดื่มประมาณ 15 นาที และใช้เวลารอเครื่องดื่มประมาณ 25-30 นาที ถามว่านานเกินไปไหมสำหรับเราคิดว่าอยู่ในเกณฑ์รับได้ (ไม่นานเท่าช่วงเปิดร้านแรกๆ ที่บอกว่าต้องรอคิวนานถึง 2 ชั่วโมง)
หน้าร้านโปร่งสวย ต่อคิวฝั่งขวาและวนไปรอเครื่องดื่มทางซ้าย ฝั่งแคเชียร์มีขนมปังและเบเกอรี่ไว้วางจำหน่ายทั้งสกินนี่บันโฮลวีท อกไก่หยอง ขนมปังฟักทองผสมธัญพืช
สำหรับขนาดแก้วถ้าเป็เมนู Signature จะเป็นแก้วใสไซซ์เดียว ส่วนเมนูอื่นๆ ที่เลือกขนาดแก้วได้จะมีทั้งหมด 3 ขนาด 3 ราคา ได้แก่ Petite, Classic, Grand
สั่งเครื่องดื่มเสร็จแล้วก็สามารถไปเดินเล่นในชั้นได้ชิลๆ ใช้เวลารอประมาณ 25-30 นาทีก็ไ้ด้เมนูสมูทตี้ Oh Juice มาครอง
รีวิวเมนูสมูทตี้ Signature Oh Juice
OCEAN N EARTH Oh Juice |
แก้วแรกที่ยังไงก็ต้องสั่งคือ OCEAN N EARTH 270 บาท ส่วนผสมของแก้วนี้ได้แก่
- นมอัลมอนด์
- โยเกิร์ตมะพร้าว
- น้ำมะพร้าวสด
- BLUE MAJIK
- อะโวคาโด
- เนื้อมะพร้าว
- กล้วยหอม
- อินทผลัม
- สับปะรด
- ครีมมะพร้าว
- เนยอัลมอนด์
- Pure Collagen 4,000 mg
เรื่องความสวยงามของแก้วก็บอกเลยว่าจึ้งใจจริงๆ ลายน้องสวยมากๆ ถ่ายรูปเก๋ ส่วนเรื่องรสชาติบอกได้เลยว่าแก้วนี้อร่อยมากกกกก ทันทีที่ดูดเข้าปากกลิ่นกล้วยหอมลอยเด่นออกมาอย่างชัดเจน เนื้อสมูทตี้เนียนนุ่มดื่มง่าย รสชไม่หวานแหลมแต่ได้ความหวานนัวเพราะมีความมันจากนมอัลมอนด์ ครีมมะพร้าว น้ำมะพร้าว นอกจากนี้เมื่อเราดูดจากล่างแก้วขึ้นมาก็ยังมีชิ้นเนื้อมะพร้าวและชิ้นอะโวคาโด้ให้ได้เคี้ยวตัดรสชาติกันไปอีก เห็นแก้วสูงๆ แบบนี้แต่บอกเลยค่ะว่าดื่มหมดแก้วได้ไม่ยากเพราะรสชาติอร่อยนัวจริงๆ
SUNRISE GINGER Oh Juice |
ส่วนอีกแก้วเราสั่งมาเป็น SUNRISE GINGER Oh Juice ราคา 180 บาท มีส่วนผสมคือ
- Ginger Immunity Shot
- น้ำผึ้ง
- มะม่วง
- สับปะรด
- Camu
- วิตามินรวม
- Kombucha Jelly Peach
สรุปรวมเรื่องราว Oh Juice สมูทตี้ผลไม้สุดพรีเมียม
สำหรับเราถ้าถามว่าราคาแรงไหม ตอบเลยว่ามีกระเป๋าสะดุ้งเหมือนกันค่ะ ตีกลมๆ แล้วราคา Oh Juice ก็ตกราคาแก้วละ 200-300 บาทเลยทีเดียวล่ะ แต่ถ้าเทียบในเชิงของคุณภาพที่เขาบอกเลยว่าไม่ใส่น้ำตาลเพิ่มเติม ไม่ Hack อะไรทั้งสิ้น แต่ละแก้วที่ได้มาอัดแน่นด้วยส่วนผสมที่น่าสนใจ ปริมาณที่ได้ก็คือแก้วใหญ่ไซซ์เบิ้ม อย่างแก้ว Signature นอกไปจากความอร่อยก็ได้ความสวยงามของการนำเสนอเมนูที่แตกต่างไปจากสมูทตี้ผลไม้แบบเดิมๆ ส่วนระยะเวลาการรอคิวเราว่าเขาเริ่มจัดการได้ดีขึ้นแล้ว ไม่ได้ต้องรอนานเป็นชั่วโมงๆ กว่าจะได้กินเหมือนช่วงแรกของการเปิดร้าน ส่วนตัวคิดว่าถ้ามีโอกาสก็จะแวะเวียนไปลองชิมอีกหลายๆ เมนูที่สนใจเพิ่มเติมอีกแน่นอนค่ะ